วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2556

review เที่ยวเกาหลี ช่วงเดือนพฤษภาคม ณ เกาะเชจู และกรุงโซล

เมื่อวันที่ 27 - 31 พฤษภาคม 2556 มีโอกาสได้แพ็คกระเป๋าเดินทางไปเที่ยวที่แดนกิมจิ จึงอยากนำประสบการณ์มาแชร์ เผื่อมีประโยชน์กับผู้ที่กำลังจะเดินทางหรือสนใจในประเทศเกาหลีนะคะ ไปกับ Travel design air ค่ะ

วันแรกเค้านัดเจอกันที่หน้าเคาน์เตอร์ Business air ณ สนามบินสุวรรณภูมิค่ะ เวลาประมาณ 21.00 น. เพื่อแจกเอกสารและ Load กระเป๋าเดินทาง จากนั้นเวลาประมาณ 23.30 น. ก็เตรียมตัวขึ้นเครื่องบินเดินทางไปเกาหลีแล้วค่ะ ตื่นเต้นแล้วซิคะ

ขึ้นเครื่องซักพักหลังจากทำตามกฏข้อบังคับการบินแล้วก็มีเสริฟน้ำอัดลมค่ะ จากนั้นปิดไฟให้นอน ประมาณ 3 ชม. ก็ถูกปลุกขึ้นมาให้ทานอาหารเช้า ซึ่งมีให้เลือก 2 อย่าง คือ ข้าวหน้าไก่เทอริยากิ และ ออมเลท เรากับแฟนเลือกคนละอย่างค่ะจะได้ชิมทั้งสองอย่าง รสชาติใช้ได้นะคะแต่ก็ไม่ถึงกับอร่อยมากแต่เราเป็นคนกินง่ายค่ะ หลังจากนั้นเครื่องบินก็ค่อยๆ ลดระดับลงสู่สนามบินอินชอนประเทศเกาหลีแล้วค่ะ หลังจากเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวกันเรียบร้อยก็ได้เวลาระทึก นั่นก็คือการผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองนั่นเอง!!!  ...........เย้ ผ่านแล้วค่ะ ไม่ถามอะไรเลย แถมน่าจอยังมีภาษาไทยบอกขั้นตอนด้วยค่ะ ในที่สุดก็ถึงเวลาท่องเที่ยวซักที




จริงๆแล้วทัวร์นี้เป็นทริปเกาะเชจูค่ะแต่เนื่องจากวันแรกที่ไปถึงฝนตกไกด์เลยเปลี่ยนให้เที่ยวในโซลก่อนครึ่งวันค่ะ ดังนั้นที่แรกที่เค้าจะพาไปคือ  หอคอยกรุงโซล N Tower ซึ่งอยู่บริเวณเนินเขานัมซาน ซึ่งเป็น 1 ใน 18 หอคอยที่สูงที่สุดในโลก







จุดนี้เป็นจุดที่วัยรุ่นหรือคู่หนุ่มสาวนิยมมาคล้องกุญแจคู่รักกันค่ะถ้าใครที่ดูซีรี่เกาหลีก็จะรู้สึกคุ้นๆตาค่ะ แต่เนื่องจากวันนี้ฝนตกภาพจึงมัวร์ๆ ที่นี่สามารถชมวิวกรุงโซลได้ทั่วและสวยมากทีเดียวค่ะ และยังมีร้านกาแฟ และร้านไอศครีมที่ติด top ten ให้ชิมด้วยนะคะ วันนี้ขอลองชิมไอศครีมค่ะรสชาตอร่อยหวานมันชอบค่ะเครื่องเยอะดี





หลังจากนั้นก็ไปรับประทานอาหารกลางวันเป็นชาบูหมูดำ แต่เราว่าเนื้อหมูก็เหมือนหมูทั่วๆไป แต่อาจจะไม่มันมาก รสชาตหอมเหมือนกลิ่นเครื่องพะโล้มีผักหลายชนิด แต่หลักก็ผักกาดขาดค่ะ เวลากินก็กินกับข้าวเกาหลีซึ่งมีลักษณะเหมือนข้าวญี่ปุ่นค่ะ และมีเครื่องเคียงหลายอย่างหนึ่งในนั้นก็คือกิมจิค่ะมีทุกมื้อ



หลังจากอิ่มท้องกันแล้วไกด์บอกจะแถมอีกหนึ่งที่ช๊อปก่อนไปเกาะเชจู คือตลาดทงแดมุนซึ่งเป็นศูนย์รวมแฟชั่นเสื้อผ้า เครื่องสำอาง รองเท้า ที่ made  in Korea  ซึ่งบริเวณจะคล้ายๆกับห้าง Platinum บ้านเรา ราคาเสื้อผ้าจะค่อนข้างสูงแต่แบบ สไตล์ สวยทันสมัยและที่สำคัญ Made in Korea ค่ะ ตรงนี้ไม่ได้ถ่ายรูปมากค่ะถ่ายมาแต่  skin food shop ที่นี่คนขายพูดภาษาไทยได้น่ารักมากค่ะ แถมยังสามารถ tax refund  ได้ด้วยค่ะ มีเวลาไม่มากต้องรีบไปสนามบินคิมโป เป็นสนามบินภายในประเทศเพื่อนั่งสายการบิน T-way ไปเกาะเชจู หรือ Jejudo 


ก่อนจะขึ้นเครื่องภายในประเทศขอแชร์ประสบการณ์ของการขึ้นเครื่องบินของที่ประเทศเกาหลีซักนิดนะคะเพราะมีบางอย่างไม่เหมือนบ้านเราก็คือ ห้าม Load ของอยู่ 2 อย่างได้แก่ 1. สเปรย์ทุกชนิด 2. ไฟแช็ค  
ซึ่งสองอย่างนี้ห้ามมีในกระเป๋าที่จะโหลดเลยนะคะไม่อย่างนั้นมีการรื้อกระเป๋าค่ะ ดังนั้นหากมีของพวกนี้จะต้องนำไปโชว์ที่เคาน์เตอร์ซึ่งบางครั้งเค้าก็จะอนุญาตให้นำขึ้นเครื่องได้ค่ะ หลังจากขึ้นเครื่องแล้วสายการบินที่นี่คล้ายกับสายการบิน air asia บ้านเราแต่เค้าจะมีการเสริฟน้ำผลไม้ซึ่งเป็นน้ำส้มรสชาติเปรี้ยวหวานอร่อยค่ะกินแล้วจะสดชื่นมากถ้าใครมีโอกาสมาอย่าเพิ่งหลับนะคะดื่มน้ำส้มก่อน ^^


ถึงแล้วค่ะเกาะเชจูเกาะที่มีรูปร่างเหมือนไข่วางนอนอยู่ อากาศที่นี่ดีค่ะครึ้มๆแต่ไม่มีฝน อากาศประมาณ 20 องศาเซลเซียสค่ะ


มาถึงปุ๊บ ไกด์จัดให้เลยค่ะที่แรกโขดหินรูปหัวมังกร หรือ  ยงดูอัมร็อค  (Yongduam Rock) อีกหนึ่งในมนต์เสน่ห์ทางธรรมชาติของเกาะเชจู ซึ่งถือกันว่าถ้าหากใครไม่ได้มาเยือน ยงดูอัมร็อค ก็ถือว่ายังมาไม่ถึงเกาะเชจู โขดหินแห่งนี้เกิดขึ้นจากการกัดกร่อนของคลื่นลมทะเล ทำให้มีรูปทรงลักษณะเหมือนหัวมังกรกำลังอ้าปากส่งเสียงร้องคำรามและพยายามที่จะผุดขึ้นจากท้องทะเลเพื่อขึ้นสู่ท้องฟ้า

หลังจากที่ชื่่นชมธรรมชาติที่สวยงามของโขดหินรูปมังกรเสร็จแล้วก็ได้เวลาเยียมชมพิพิธภัณฑ์หมี น่ารักๆ ที่ Teddy Bear Safari Teseum



ที่นี่เหมาะกับคนรักหมีหรือชอบตุ๊กตา แม้แต่คนเฉยๆกับตุ๊กตาถ้ามาก็อดยิ้มกับความน่ารักของตุ๊กตาแต่ละตัวไม่ได้เพราะมีความน่ารักน่ากอดทุกตัว






พอหอมปากหอมคอกับความน่ารักของน้องหมีแล้ว จริงๆยังมีอีกหลายมุม แต่เนื่องจากค่ำแล้วจึงมุ่งหน้าไปร้านอาหารเพื่อเพิมพลังกับอาหารเย็นมื้อนี้คือ ด้วย เมนู แฮมุลทัง หรือ ซีฟูดหม้อไฟ


อิ่มท้องแล้วก็เตรียมตัวเข้านอนที่โรงแรมบนเกาะเชจู วันนี้เหนื่อยมาก
อยากนอนเต็มแก่แล้ว !!!!


หลังจากที่หลับฝันดีแล้วก็ตื่นมาด้วยความสดชื่น พร้อมออกเที่ยวในวันนี้ ซึ่งที่แรกที่เราจะไปก็คือ ปากปล่องภูเขาไฟที่มีลักษณะเหมือนมงกุฏ ซองซานอิลซุงโบล (Seongsan Sunrise Peak) ซึ่งมีความหมายว่า จุดสูงสุดที่พระอาทิตย์ขึ้น



ที่แรกของวันที่ 2 ณเกาะเชจู ก็เล่นเอาซะเหนื่อยเลยนะคะ แต่ดีที่วันนี้ฝนไม่ตกและไม่แดด อากาศเย็นสบายค่ะเหมาะกับการปีนเขา ไกด์บอกก่อนที่จะขึ้นเขาว่าเดินขึ้นไปซักพักจะมีแยกวัดใจถ้าใครใจไม่สู้ให้เดินลงทะเลถ้าใครใจสู้ก็จะพบกับความสวยงามของเกาะแห่งนี้ค่ะ  ให้ทายว่าเราสู้ไหม๊???


นี่ไงค่ะผลลัพท์ที่เราผ่านแยกวัดใจขึ้นมาระหว่างทางจะเห็นวิวที่สวยงามอย่างนี้แหละค่ะก็พักเป็นระยะจนถึงจุดสูงสุด

นี่ค่ะ "ซองซานอิลซุงโบล" ภาพล่างเป็นการถ่ายมุมสูง
 credit by http://shedexpedition.com ค่ะ
skyline view

จากนั้นเราก็เดินทางต่อไปที่ซอพจิโกจิ (Seopjikoji) เป็นทุ่งหญ้ากว้างติดทะเล บรรยากาศดีมากค่ะแต่ตอนที่ไปมีฝนรินนิดหน่อยค่ะ

credit by www.panoramio.com






หลังจากนั้นเดินทางต่อไปไร่ส้มแต่ช่วงนี้ส้มยังไม่ค่อยออกจึงไม่มีภาพสวยๆมาให้ได้ดูกันค่ะ

 จา กนั้นเราก็มุ่งหน้าไปรับประทานอาหารกลางวันกันค่ะ




หลังจากอิ่มสบายท้องกับเมนูแสนอร่อยก็ออกเดินทางต่อเพื่อชมวิถีชีวิตชาวพื้นเมือง  หมู่บ้านวัฒนธรรมชงอับ ซึ่งจะมีอาจูม่ามาคอยอธิบายเป็นภาษาเกาหลีสำเนียงพื้นเมือง แต่ไกด์เราเก่งสามารถแปลให้เราฟังได้อย่างสนุกสนานและสุดท้ายก็มีการขายของคล้ายสินค้า Otop บ้านเราค่ะ เช่่นกระดูกม้าอัดเม็ดบำรุงกระดูก







จากนั้นก็เดินทางไปไหว้พระที่วัดยักชอนซา หรือ วัดน้ำศักดิ์สิทธิ์ เป็นวัดที่ให้บูชาพระอดีต พระปัจจุบัน และพระอนาคต โดยให้นำข้าวสารมาไหว้ค่ะ เป็นวัดที่สวยงามค่ะ
 จ


 เมื่ออิ่มบุญกันแล้วเราจึงเดินทางไปรับประทานอาหารเย็นกันซึ่งมื้อนี้เป็นมื้อสุขภาพโดยเมนูที่เราได้รับประทานคือ ชาบูเห็ด อร่อยมากเมื่อมีน้ำจิ้มสุกี้ที่ไกด์ไทยได้นำมาด้วย อิ่มท้องแล้วก็เข้านอ่งนี้นเตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้

ตื่นมาเช้าวันนี้อากาศดีมากๆ แต่ท้องฟ้าครึ้มเล็กน้อย ทุกคนเตรียมกระเป๋าลงมาเพื่อเช็คเอ้าท์ เตรียมไปพักที่กรุงโซลเป็นสาวเมืองกันซักทีลืมเล่าให้ฟังว่าอาหารเช้าที่โรงแรมเกาหลีที่สังเกตุเห็นคือจะไม่มีไข่ดาว ไกด์เล่าให้ฟังว่าไข่ที่นี่แพงมาก งั้นก็ค่อยกลับไปกินที่เมืองไทยกันเนอะ ^^
เรามาเริ่มที่โปรแกรมแรกของวันสุดท้ายบนเกาะเชจูกันคือ ซองอัคซานเป็นสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่องแดจังกึม


 ฝนเริ่มตกเราจึงย้ายไปที่เป้าหมายต่อไปคือไร่ชา Osulloc สถานที่ในฝันสำหรับคนที่หลงใหลชาเขียว เพราะที่นี่นอกจากปลูกชาเขียวที่มีคุณภาพระดับโลกแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์ต่างๆจากชาเขียวให้ได้ลิ้มลองกันอีกด้วย อาทิเช่น ลาเต้ชาเขียว ไอศกรีมชาเขียว และแยมโรลชาเขียว จากที่ได้ชิมยกให้ไอศกรีมชาเขียวได้อันดับหนึ่งค่ะ



หลังจากอิ่มของหวานแล้วก็มุ่งหน้าไปรับประทานอาหารมื้อหลักก็คือ ข้าวยำเกาหลีนั่นเอง อร่อยดีค่ะ คล้ายๆที่บ้านเราค่ะ



จากนั้นก็เตรียมตัวร่ำลาเกาะเชจูและขึ้นเครื่องบินไปกรุงโซลกันค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555

review โรงแรม ที่พักเขาใหญ่ watermill resort

ต้นเดือนธันวาคม 2555 ได้มีโอกาสไปเที่ยวเขาใหญ่และได้เข้าพักที่ Watermill Resort  จึงนำมารีวิวสำหรับผู้ที่สนใจเข้าพักที่เขาใหญ่กันค่ะ

มาเริ่มตั้งแต่ทางเข้าของรีสอร์ทจะเห็นประตูไม้ตกแต่งด้วยตัวอักษรสีเงินตัวใหญ่ W และ M
และเมื่อผ่านประตูรีสอร์ทเข้ามาก็จะพบสนามหญ้าเขียวที่ตกแต่งสวนไว้อย่างร่มรื่นน่ารัก


เนื่องจากเราได้จองห้องพักผ่านเวปอโกด้าไว้เรียบร้อยแล้วในราคาประมาณ 2,000 บาท จึงได้ไปติดต่อที่ Reception ซึ่งลักษณะเหมือนบ้าน จึงได้พบกับคุณบุ๋ม (น่าจะเป็นเจ้าของรีสอร์ทค่ะ) ซึ่งก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ทางรีสอร์ทจะให้กุญแจและ Password (Wifi free) และพาเราไปส่งที่ห้องซึ่งระหว่างทางก็จะมีการต้อนรับด้วย welcome drink ที่ชื่นใจค่ะ


ห้องที่เราพักเป็นบ้านแฝดครีมค่ะ เป็นบ้านใหม่ มีห้องใต้หลังคาเหมาะสำหรับครอบครัวที่มีเด็กๆไปด้วยเพิ่มความตื่นเต้นกับเด็กๆ แต่คู่รักก็สามารถพักได้นะคะเพียงแต่อาจใช้พื้นที่เฉพาะด้านล่างส่วนด้านบนเค้าไว้สำหรับเตียงเสริมค่ะ


ตามมาดูบรรยากาศด้านในกันค่ะ

บริเวณห้องน้ำค่ะสะอาด ฟักบัวใหญ่ ตู้เสื้อผ้าสองตู้

บริเวณห้องนอนมีทีวี ตู้เย็นและน้ำฟรีสองขวด  


เราไปดูบริเวณด้านนอกรีสอร์ทกันค่ะ สวยงามและสดชื่นมากค่ะ

ที่นี่บรรยากาศดีมาก มีแม่น้ำล้อมรอบรีสอร์ท สนามหญ้ากว้างขวางดีค่ะ



กิจกรรมที่รีสอร์ทนี้มีเตาปิ้งย่างบาร์บีคิว ให้อาหารปลา และพายเรือรอบๆรีสอร์ทค่ะ